TRADING OR INVESTING ?
-เทรดเดอร์มักจะแบ่งหน้าที่ไม่ออกว่าจะเป็น trader หรือ investor เพราะมันสามารถเป็นได้ทั้งสองอย่าง เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจว่างานหลักเราคืออะไร
-ในขณะที่บางคนใช้ investing style ในการเทรด ทำให้เกิดการล้างพอร์ตได้
-investor คือคนที่สามารถรับ loss หนักๆได้เพราะจังหวะที่เข้าไป invest มักเป็นการเข้าที่สวนเทรนในขณะนั้นๆ ดังนั้น investot จึงมีพอร์ตขนาดใหญ่ที่จะรองรับ loss หนักๆได้
-สำหรับเทรดเดอร์แล้ว จะมี cashflow(cf) มาจากการเทรดเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเราต้องสะสม cf ให้มากพอที่จะรองรับ loss ที่จะเกิดขึ้นจากการ invest ใน asset ต่างๆก่อนแล้วค่อยเข้าไป invest ใน asset นั้นๆ
-investor มักจะคำนวน max drawdownไว้แล้ว จึงค่อยเข้าลงทุน และคนที่เป็น investor อย่างเดียว ไม่ได้เป็น trader ด้วย มักจะมีรายได้หรือ cf จากแหล่งอื่นมาเสริมพอร์ตด้วย
-ในขณะที่เทรดเดอร์นั้นไม่สามารถคำนวน loss หรือ profit ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งได้ ทำให้เทรดเดอร์ ต้องมีการ cut loss และ take profit ตาม risk:reward ของระบบ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของการเทรดในแต่ละครั้ง ซึ่งนั่นเป็นที่มาของระบบเทรดที่มีการ cut loss
-และเมื่อเรานำเอา investing style มาปรับใช้ในการเทรด โดยการคำนวน max drawdown ของระบบใว้แล้วค่อยเทรดซึ่งนั่นทำให้เกิดระบบแบบ close system คือระบบที่ไม่มีการ cut loss เกิดขึ้นนั่นเอง
-ดังนั้นจะเห็นได้ว่าระบบที่มี และไม่มี cut loss นั้นมันต่างคอนเซ็ปกันเลย
-เทรดเดอร์บางคนปรับโพสิชั่นไม่เป็นเมื่อเห็นว่าพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ปรับขนาดของโพสิชั่นใหญ่ขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงของระบบเทรดที่ใช้อยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทรดเดอร์บางคนที่มี %win สูงๆ จึงยังล้างพอร์ตอยู่
-การปรับโพสิชั่นที่ถูกต้องควรปรับตาม risk:reward ของระบบ นั่นคือปรับโพสิชั่นให้รับ risk ของระบบให้ได้
-เรามักจัดสรรโพสิชั่นไปตามกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงๆแต่มีโอกาสเกิดขึ้ึ้นน้อย
https://www.youtube.com/watch?v=xzsDqTaVT-Q
-ในขณะที่บางคนใช้ investing style ในการเทรด ทำให้เกิดการล้างพอร์ตได้
-investor คือคนที่สามารถรับ loss หนักๆได้เพราะจังหวะที่เข้าไป invest มักเป็นการเข้าที่สวนเทรนในขณะนั้นๆ ดังนั้น investot จึงมีพอร์ตขนาดใหญ่ที่จะรองรับ loss หนักๆได้
-สำหรับเทรดเดอร์แล้ว จะมี cashflow(cf) มาจากการเทรดเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นเราต้องสะสม cf ให้มากพอที่จะรองรับ loss ที่จะเกิดขึ้นจากการ invest ใน asset ต่างๆก่อนแล้วค่อยเข้าไป invest ใน asset นั้นๆ
-investor มักจะคำนวน max drawdownไว้แล้ว จึงค่อยเข้าลงทุน และคนที่เป็น investor อย่างเดียว ไม่ได้เป็น trader ด้วย มักจะมีรายได้หรือ cf จากแหล่งอื่นมาเสริมพอร์ตด้วย
-ในขณะที่เทรดเดอร์นั้นไม่สามารถคำนวน loss หรือ profit ที่เกิดขึ้นในแต่ละครั้งได้ ทำให้เทรดเดอร์ ต้องมีการ cut loss และ take profit ตาม risk:reward ของระบบ ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของการเทรดในแต่ละครั้ง ซึ่งนั่นเป็นที่มาของระบบเทรดที่มีการ cut loss
-และเมื่อเรานำเอา investing style มาปรับใช้ในการเทรด โดยการคำนวน max drawdown ของระบบใว้แล้วค่อยเทรดซึ่งนั่นทำให้เกิดระบบแบบ close system คือระบบที่ไม่มีการ cut loss เกิดขึ้นนั่นเอง
-ดังนั้นจะเห็นได้ว่าระบบที่มี และไม่มี cut loss นั้นมันต่างคอนเซ็ปกันเลย
-เทรดเดอร์บางคนปรับโพสิชั่นไม่เป็นเมื่อเห็นว่าพอร์ตมีขนาดใหญ่ขึ้นก็ปรับขนาดของโพสิชั่นใหญ่ขึ้นโดยไม่สอดคล้องกับความเสี่ยงของระบบเทรดที่ใช้อยู่ นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเทรดเดอร์บางคนที่มี %win สูงๆ จึงยังล้างพอร์ตอยู่
-การปรับโพสิชั่นที่ถูกต้องควรปรับตาม risk:reward ของระบบ นั่นคือปรับโพสิชั่นให้รับ risk ของระบบให้ได้
-เรามักจัดสรรโพสิชั่นไปตามกลยุทธ์ที่ให้ผลตอบแทนสูงๆแต่มีโอกาสเกิดขึ้ึ้นน้อย
https://www.youtube.com/watch?v=xzsDqTaVT-Q
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น